ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีตเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สะพาน หรือโครงสร้างต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจึงได้กำหนดมาตรฐาน มอก. 737-2549 ขึ้น เพื่อควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ โดยมาตรฐานฉบับนี้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ซึ่งได้รวมมาตรฐานเดิมสองฉบับเข้าด้วยกัน และปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและสอดคลองกับสภาพการผลิตภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
ความหมายและลักษณะของตะแกรงเหล็กกล้า
ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต คือ ตะแกรงที่มีลักษณะเป็นผืนหรือม้วน ผลิตขึ้นโดยนำลวดเหล็กกล้าดึงเย็นหรือเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตมาเชื่อมติดกันด้วยวิธีความต้านทานไฟฟ้า (Electrical Resistance Welding) โดยตาตะแกรงจะมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ตะแกรงประกอบด้วยส่วนสำคัญสองส่วน ได้แก่ ลวดยืน ซึ่งเป็นแกนหลักของตะแกรง อาจเป็นลวดเดี่ยวหรือลวดคู่ก็ได้ และลวดขวาง ซึ่งเป็นลวดเดี่ยวที่นำมาเชื่อมขวางกับลวดยืนให้เป็นตาตะแกรง การจัดเรียงและการเชื่อมที่ดีจะช่วยให้ตะแกรงมีความแข็งแรงและสามารถกระจายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทและชนิดของตะแกรง
มาตรฐานกำหนดให้ตะแกรงแบ่งออกเป็น 4 ชนิดตามวัสดุที่ใช้ผลิต ได้แก่
- ชนิดลวดเหล็กกล้าดึงเย็นเสริมคอนกรีต ตามมาตรฐาน มอก. 747 เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง
- ชนิดลวดเหล็กกล้าข้ออ้อยดึงเย็นเสริมคอนกรีต ตามมาตรฐาน มอก. 943 มีพื้นผิวข้ออ้อยที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับคอนกรีต
- ชนิดเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กเส้นกลม ตามมาตรฐาน มอก. 20 ชั้นคุณภาพ SR 24 มีความแข็งแรงสูง
- ชนิดเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กข้ออ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24 มีหลายชั้นคุณภาพ คือ SD 30, SD 40 และ SD 50 สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูงพิเศษ
ขนาดและความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้
สำหรับขนาดตะแกรง ความยาวและความกวางสามารถคลาดเคลื่อนได้ ±25 มิลลิเมตร หรือ ±0.5% แล้วแต่ค่าใดจะมากกว่า ส่วนระยะห่างระหว่างลวดยอมให้คลาดเคลื่อนได้ ±10 มิลลิเมตร หรือ ±7.5% แล้วแต่ค่าใดจะมากกว่า
มาตรฐานแนะนำให้ระยะห่างของลวดยืนเป็นพหุคูณของ 50 มิลลิเมตร และไม่ควรต่ำกว่า 100 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างของลวดขวางควรเป็นพหุคูณของ 25 มิลลิเมตร และไม่ควรต่ำกว่า 100 มิลลิเมตร เช่นกัน
คุณลักษณะที่ต้องการ
- ลักษณะทั่วไป ตะแกรงต้องมีตาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า และต้องปราศจากสนิมขุม อย่างไรก็ตาม อาจมีสนิมที่ผิวของลวดได้บ้าง โดยสนิมดังกล่าวเมื่อแปรงด้วยแปรงทองเหลืองแล้วจะหายไป โดยที่เส้นผ่านศูนย์กลางของลวดไม่เปลี่ยนแปลง
- จุดเชื่อม คุณภาพของจุดเชื่อมเป็นปัจจัยสำคัญต่อความแข็งแรงของตะแกรง มาตรฐานกำหนดให้จุดเชื่อมสามารถหลุดได้ไม่เกิน 1% ของจำนวนจุดเชื่อมทั้งหมด และในลวดเส้นใดเส้นหนึ่ง จุดเชื่อมที่หลุดต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ยอมให้สูงสุด
- แรงเฉือนของจุดเชื่อม เมื่อทดสอบแล้ว ค่าแรงเฉือนต้องไม่น้อยกว่า 30% ของความเค้นที่จุดคราก หรือความเค้นพิสูจน์ที่กำหนด คูณกับพื้นที่หน้าตัดของลวดเส้นใหญ่
- การดึง เมื่อทดสอบด้วยการดึงตัวอย่างแล้ว ลวดต้องมีสมบัติการดึงเป็นไปตามที่กำหนดของวัสดุที่ใช้ผลิต ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการรับแรงดึงก่อนที่จะขาด
- การดัดโค้ง เมื่อทดสอบด้วยการดัดโค้งแล้ว ลวดต้องสามารถดัดโค้งได้ตามมุมที่กำหนด โดยไม่แตกหรือมีรอยร้าว แสดงถึงความเหนียวของวัสดุ
การติดฉลากและเครื่องหมาย
ตะแกรงทุกผืน ทุกมัด หรือทุกม้วน ต้องมีป้ายผูกติดอยู่ โดยระบุข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่
- ต้องมีคำว่า “ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต”
- ระบุชนิดและชั้นคุณภาพ
- มีสัญลักษณ์หรือชื่อขนาดของลวดยืนและลวดขวาง
- บอกระยะห่างของลวดยืนและลวดขวาง
- บอกขนาดของผืนหรือม้วนตะแกรง (ทั้งความยาวและความกว้าง)
- บอกจำนวนผืน ในกรณีที่เป็นมัด
- ชื่อผู้ทำหรือโรงงาน หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
การระบุข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ตะแกรงได้อย่างเหมาะสมกับงานแต่ละประเภท
มาตรฐาน มอก. 737-2549 เป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมคุณภาพตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ในงานก่อสร้างมีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล การปฏิบัติตามมาตรฐานนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความทนทานของโครงสร้างคอนกรีต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอาคารและโครงสร้างต่าง ๆ
ผู้ผลิตควรศึกษาและปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ใช้งานควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าตะแกรงที่จัดซื้อมีฉลากแสดงรายละเอียดครบถ้วนและเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของโครงสร้างในระยะยาว





