ในโลกของการก่อสร้าง วัสดุเสริมแรงถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้โครงสร้างมีความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย หนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันก็คือ “ตะแกรงไวร์เมช” หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “ไวร์เมช” ซึ่งกลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นงานเทพื้น ผนัง หรือถนน หากคุณกำลังสงสัยว่าตะแกรงไวร์เมชคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และเหมาะกับงานแบบไหน วันนี้เราจะพาไปรู้จักกัน
ตะแกรงไวร์เมช คืออะไร ?
ตะแกรงไวร์เมช (Wire Mesh) คือ ตะแกรงเหล็กเส้นสำเร็จรูปที่ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็นคุณภาพสูง (Cold Drawn Steel) ผ่านกระบวนการเชื่อมติดด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง จุดตัดของลวดเหล็กจะหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้เกิดความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ ตะแกรงไวร์เมชมีลักษณะเป็นตารางสี่เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถเลือกขนาดเส้นลวดและระยะห่างของตะแกรงได้ตามความต้องการของแต่ละงาน
จุดเด่นของตะแกรงไวร์เมชคือการผลิตในรูปแบบสำเร็จรูป ทำให้มีความแม่นยำและสม่ำเสมอในระยะห่างของตะแกรงทุกจุด ต่างจากการผูกเหล็กธรรมดาที่ต้องใช้แรงงานและเวลาในการตัดและผูกเหล็กด้วยมือ
ประเภทและหมวดหมู่ของตะแกรงไวร์เมช
ตะแกรงไวร์เมชมีหลายประเภทตามวิธีการผลิตและลักษณะการใช้งาน โดยแบ่งได้ดังนี้
1. ไวร์เมชแบบม้วน (Wire Mesh Roll)
ตะแกรงเหล็กไวร์เมชชนิดม้วน เป็นตะแกรงสำเร็จรูปที่ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็น โดยนำมาทำการเชื่อมติดกันด้วยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง ช่วยทดแทนการใช้เหล็กผูกแบบดั้งเดิมและลดขั้นตอนการทำงานได้ถึง 80% มีขนาดความกว้างไม่เกิน 3.5 เมตร ความยาวไม่เกิน 50 เมตร และขนาดเส้นลวดตั้งแต่ 3.8-6 มิลลิเมตร
2. ไวร์เมชแบบแผง (Wire Mesh Sheet)
ตะแกรงเหล็กไวร์เมชชนิดแผง คือตะแกรงสำเร็จรูปที่ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็น เชื่อมติดกันด้วยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง ลดขั้นตอนการทำงานได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับการผูกเหล็กแบบดั้งเดิม มีขนาดความกว้างไม่เกิน 3.5 เมตร ความยาวไม่เกิน 10 เมตร และเส้นลวดมีขนาดตั้งแต่ 3.8-12 มิลลิเมตร
ทั้งไวร์เมชแบบม้วนและแบบแผงจะมีลวด 2 ประเภท ได้แก่ ลวดผิวเรียบและลวดผิวข้ออ้อย โดยลวดผิวข้ออ้อยจะมีความยึดเกาะกับคอนกรีตดีกว่าลวดผิวเรียบ
การใช้งานของตะแกรงไวร์เมชในด้านต่างๆ
- ด้านการก่อสร้าง ตะแกรงไวร์เมชมีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแรงให้กับคอนกรีต ช่วยป้องกันการแตกร้าว และใช้เป็นโครงสร้างในการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น กำแพงกันดิน พื้นคอนกรีต และโครงสร้างอาคาร
- ด้านเกษตรกรรม นำมาใช้ทำรั้วกั้นสัตว์ กรงเลี้ยงสัตว์ และอุปกรณ์คัดแยกผลผลิตทางการเกษตร
- ด้านงานถนนและลานจอดรถ ใช้ตะแกรงไวร์เมชเสริมแรงให้ถนนและลานจอดรถรับน้ำหนักได้ดีขึ้น
- ด้านตกแต่งและออกแบบ ตะแกรงไวร์เมชยังถูกนำไปใช้ในงานศิลปะ งานตกแต่งภายใน เช่น ทำผนังกั้น ฝ้าเพดาน หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการความแข็งแรงและมีดีไซน์โปร่งแสง
ข้อดีของตะแกรงไวร์เมช
ความแข็งแรงและทนทานเป็นจุดเด่นหลักของตะแกรงไวร์เมช สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง การบำรุงรักษาง่าย ไม่ซับซ้อน และมีอายุการใช้งานยาวนาน
ความยืดหยุ่นในการใช้งานทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่งานก่อสร้างพื้นฐานไปจนถึงงานศิลปะและการตกแต่ง มีราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับโครงการต่าง ๆ
การเลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชให้เหมาะสม
การเลือกใช้ตะแกรงไวร์เมชควรพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของงานก่อสร้าง หรือ ประเภทของตะแกรงไวร์เมช ต้องเลือกให้เหมาะสม เช่น
1. เลือกขนาดเส้นลวดให้เหมาะกับประเภทงาน
- ไวร์เมช 4 มม. เหมาะกับงานพื้นบ้านพักอาศัยทั่วไป เช่น พื้นบ้านหรือพื้นห้อง
- ไวร์เมช 6 มม. เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น เช่น ถนนคอนกรีต ลานจอดรถ
- ไวร์เมช 9 มม. ใช้กับงานที่ต้องรับน้ำหนักสูงมาก เช่น พื้นโรงงานหรือโกดัง
2. เลือกประเภทตะแกรงไวร์เมช
- แบบแผ่น มีความแข็งแรงสูง เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่ ต้องการความแข็งแรง
- แบบม้วน มีความยืดหยุ่น ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับงานทั่วไป ไม่รับน้ำหนักมาก
เรียกได้ว่าตะแกรงไวร์เมชเป็นวัสดุที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากในหลากหลายอุตสาหกรรม จากลักษณะการผลิตที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม งานเกษตรกรรม หรือแม้แต่งานตกแต่ง
ความเข้าใจในลักษณะและการใช้งานของตะแกรงไวร์เมชจะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมและได้ประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง คาดว่าตะแกรงไวร์เมชจะยังคงมีบทบาทสำคัญและมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานในทุกภาคส่วน
บทความเกี่ยวข้องเพิ่มเติม